LESSON 5 : ภวดล เกลียวอรรคเดช

CEO บจ.ชาบู ใจดี และ Fulltime Trader 

»»»»»»»»»»»»»»

ไม่หยุดหาโอกาสให้ตัวเอง

 

              “เคยขึ้นไปข้างบนมั้ย ขึ้นไปแล้วคุณจะได้กลิ่นเงินเลย” 
              คุณหนุ่ม-ภวดล เกลียวอรรคเดช เอ่ยชวนทีมงานขึ้นไปดูห้องเทรดหุ้นส่วนตัวสำหรับรับรองลูกค้าระดับ VVIP 
ของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งบนตึกสูงใจกลางเมือง
              ทุกวันนี้คุณหนุ่มจะใช้เวลาขลุกอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ตั้งแต่ 8 โมงเช้า และเดินออกจากห้องราว 4 โมงเย็น
ราวกับเป็นพนักงานประจำ ความจริงแล้วเขาคือ Fulltime Trader ที่ประสบความสำเร็จทั้งที่ไม่ได้เรียนจบด้านการเงิน  
              จากเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคาร เปลี่ยนงานไปเป็นเซลส์ขายเหล็ก แม้แต่เปิดค่ายเพลงก็เคยมาแล้ว จนโชคชะตาพัดพาให้จับพลัดจับผลูไปเล่นหุ้นเมื่อ 20 กว่าปีก่อน และคว้าอิสรภาพทางการเงินมาได้อย่างสวยงามตอน
อายุ 40 ตัวเลขวัยที่หลายคนยังล้มลุกคลุกคลานตั้งหลักไม่ได้ เขาผลักดันตัวเองจนมาถึงจุดนี้ได้อย่างน่าทึ่ง เพราะแรงขับเดียวในใจ

              “สักวันฉันจะรวย” 

ชีวิตต้นทุนน้อย
            ถ้าคุณคิดว่าคนสำเร็จต้องมีต้นทุนชีวิตสูง ไม่จริงเสมอไป
            คุณหนุ่มเติบโตมาในครอบครัวคนจีน พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก แม่ต้องแบกรับหน้าที่หาเงินเลี้ยงลูกทั้งสามตามลำพัง โดยส่งลูกชายคนเดียวอย่างเขาไปให้น้องสาวช่วยเลี้ยง วัยเด็กของคุณหนุ่มเติบโตมาในย่านเยาวราช ซึ่งสมัยก่อนรู้กันดีว่าเป็นย่านสีเทา เต็มไปด้วยบ่อนพนัน ผับ บาร์ สถานบันเทิง ลามไปสู่ยาเสพติด 
              แม้ว่าแม่และน้าของเขาจะเรียนมาน้อย แต่ต้องนับว่าโชคดีที่ท่านทั้งสองให้ความสำคัญกับการศึกษา จึงเลือกโรงเรียนที่มีสภาพสังคมที่ดีให้กับเขา คุณหนุ่มได้เข้าเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เพื่อนๆ ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวพ่อค้านักธุรกิจ ต่างจากเพื่อนแถวบ้านราวฟ้ากับเหว เด็กชายจากเยาวราชถูกเด็กเจ้าถิ่นหัวโจกแกล้งอยู่เป็นประจำ ประสบการณ์ชีวิตสอนให้รู้จักเอาตัวรอดและรู้เท่าทันคน เขาจึงดู “ต่าง” จากเพื่อนวัยเดียวกันที่โรงเรียน

              ชีวิตในโรงเรียนดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งขึ้น ม.4 เขาย้ายกลับไปอยู่กับแม่ซึ่งเปิดร้านอาหาร ทุกคืนกว่าร้าน
จะปิดก็ปาเข้าไปตี 3 ตี 4 เพราะหลงใหลกับชีวิตแสงสียามราตรี ผลคือเกรดดิ่งลงเหว สุดท้ายแม่ต้องส่งตัวกลับไป
เยาวราชตามเดิม เด็กหนุ่มประคับประคองตัวเองจนเรียนจบ ม.6 มาได้ด้วยเกรด 1 กว่าๆ

            “ผมโตขึ้นมาโดยไม่มีใครสอนสั่ง ไม่มีใครปลูกฝัง Mindset ที่ดี ชีวิตปล่อยไหลไปเรื่อยๆ ไม่รู้ประสีประสา เรียนจบมัธยมก็สอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพราะเอนทรานซ์ไม่ติด ก่อนบินไปเรียนปริญญาโทด้าน International Business ที่อเมริกา ผมล้าหลังเพื่อนคนอื่นที่เขาสอบได้มหาวิทยาลัยดีๆ ก็ต้องพยายามตามเขาให้ทัน แล้วก็มาจบโทอีกใบด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองที่จุฬาฯ เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว”

กอบโกยความรู้จากสนามจริง
            จากเส้นกราฟชีวิตของคุณหนุ่มที่ดูเกือบเป็นเส้นตรง มาเริ่มขยับสูงขึ้นหลังเรียนจบโทและเข้าทำงานเป็นน้องใหม่ฝ่ายสินเชื่อ ธนาคารกสิกรไทย ช่วงนั้นเขาได้ความรู้เรื่องการเงินการธนาคารมากทีเดียว ไม่ว่าจะเรื่องของสินเชื่อ ค่าเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตรา การลงทุน และอีกมากมาย ยิ่งถูกรายล้อมด้วยคนเก่ง ยิ่งทำให้ต้องอัปเกรดตัวเองเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า 
            “จากที่ไม่รู้เรื่องอะไร ผมได้เรียนรู้เรื่องการเงินเยอะมาก จำได้ว่า 6 เดือนแรก อ่านหนังสือพิมพ์หาข้อมูลความรู้ ทุกวัน เราไม่ได้จบไฟแนนซ์มาก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่หมด ต้องขยันกว่าคนอื่นหลายเท่า อยู่แบงก์ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน ต้องแอ็กทีฟ ต้องถีบตัวเอง เพราะคนรอบตัวเราเก่งหมด เป็นสังคมที่ทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องการเงินมากขึ้น เราก็สนุกกับ การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ กลายเป็นค่อยๆ สั่งสมความรู้ ใครพูดอะไรเราจะรู้ลึกและเข้าใจกว่าคนทั่วไป”
              แม้งานธนาคารจะสนุกและมีสีสัน แต่ลึกๆ คุณหนุ่มปักธงไว้แล้วว่า “อยากรวย” ความฝันที่จะเป็นเจ้าของกิจการยังอยู่ในใจตลอดเวลา ผ่านไปสองปีเขาตัดสินใจลาออกมาเรียนรู้งานการค้าขายอย่างจริงจัง โดยมาเป็นเซลส์ขายเหล็กให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะลาออกมาทำงานในบริษัทเหมืองแร่แห่งหนึ่ง และเริ่มก่อร่างสร้างกิจการของตัวเอง

อย่ารอโอกาส แต่จงสร้างมันขึ้นมา 
              ตลอดทั้งชีวิตของคุณหนุ่ม คีย์เวิร์ดสำคัญที่ทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าคือการแสวงหาโอกาสให้ตัวเองอยู่เสมอ 
หลังเป็นเซลส์ขายเหล็กอยู่สองปีและค้นพบว่าการเป็นลูกจ้างไม่น่าจะใช่หนทางรวย เขามองหาโอกาสใหม่จนวันหนึ่งได้เจอกับโอกาสนั้น

            “งานเซลส์ขายเหล็กเหนื่อยกว่างานแบงก์มาก และทำยังไงก็คงไม่รวย ผมรู้สึกว่าไม่ได้ละ ต้องหางานใหม่ ก็เปิดหนังสือพิมพ์พลิกไปหน้าคลาสสิฟายด์ เจอบริษัทเหมืองแร่แห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังเปิดรับสมัครงานตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายหินโรยทางรถไฟ พอเริ่มรู้สึกว่างานเก่าไม่ตอบโจทย์ ผมจะมองหาโอกาสใหม่ทันที”  

              แม้ว่าธรรมชาติของสินค้านี้จะขายยาก เพราะดีมานด์มีจำกัด แต่กลายเป็นว่าคุณหนุ่มประสบความสำเร็จใน
งานนี้เป็นอย่างดี เพียง 6 เดือนเขาขายสินค้าหมดเกลี้ยงจนผลิตไม่ทัน ผ่านไปสองปีได้ก้าวกระโดดขึ้นเป็นผู้บริหารเบอร์สองของบริษัทแบบที่ไม่มีใครเคยทำได้ 
              “ผมจะมองหาโอกาสตลอดเวลา ถ้าโอกาสเก่าไปไม่ได้ก็มองหาหรือสร้างโอกาสใหม่ สินค้าหินโรยทางรถไฟขายยาก ผมก็ใช้จินตนาการเลยว่าสินค้านี้ต้องใช้กับอะไรหรือแปรรูปได้ไหม วิ่งไปหาท่าอากาศยานที่น่าจะใช้สินค้าเรา วิ่งไปหาผู้รับเหมาที่ผมรู้จัก ปรากฏว่ายอดขายถล่มทลาย ผมได้เลื่อนตำแหน่งเร็วมากจนขึ้นไปเป็นผู้บริหารอันดับสอง ในบริษัทมหาชนตั้งแต่อายุ 29 ปี”

              ขณะที่งานประจำกำลังรุ่ง เขาก็ยังไม่หยุดสร้างโอกาสครั้งใหม่ด้วยการเปิดบริษัทค้าเหล็กของตัวเอง แม้จะเปิดมาไม่ทันไรก็โดนโกง ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนเจ็บๆ ของชีวิต ต่อมาหันไปเปิดค่ายเพลง และช่วงตลาดหุ้นขาลงก่อนวิกฤติโควิด-19 เขามองหาทางเลือกใหม่ สุดท้ายมาลงตัวที่การเปิดร้านใจดีชาบู จากวันนั้นถึงวันนี้ร้านเติบโตไปด้วยดีย่างเข้าปีที่ 4 ปีแล้ว 

บทเรียนจากกีฬาสควอช
              ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนหนังสักเรื่อง จังหวะเวลาช่วงนี้ก็คงถึงจุด Turning Point
              ปกติคุณหนุ่มเป็นคนชอบเล่นกีฬา แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็ได้ชักพาให้มาเจอกับคนที่นำเขาเข้าสู่วงจรแห่งความรวย

              “ผมไปเล่นสควอช มีผู้ชายคนหนึ่งมาขอเล่นด้วย จากนั้นก็คุยกันทุกวันจนกลายเป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งเขาถามผมว่าผมทำอะไรอยู่ ดีไหม ผมก็เล่าไปว่าไม่ค่อยดีเพราะโดนลูกค้าโกง ‘งั้นคุณมาเล่นหุ้นดีกว่า’ เขาชวนผม ผู้ชายคนนั้น คือเสี่ยยักษ์ในวันนี้”
              ตอนนั้นคุณหนุ่มได้แต่รับฟัง เพราะยังมองว่าหุ้นเหมือนการพนันอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ จนลองไปศึกษาหาข้อมูล ประกอบกับช่วงนั้นตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาเข้าสู่วงการหุ้นและค้นพบคำตอบที่ตามหามานาน  จนในที่สุดเขามีอิสรภาพทางการเงินตั้งแต่อายุ 40             
              นอกจากกีฬาสควอชจะทำให้เขาได้เจอกับเสี่ยยักษ์ (วิชัย วชิรพงศ์ นักลงทุนผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการตลาดหุ้นไทยมาอย่างยาวนาน) ยังสอนวิชาชีวิตให้เขาอีกหลายอย่าง  
              · อยากสำเร็จต้องทุ่มเท  
             “หลังรู้แล้วว่าการลงทุนในหุ้นสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้ผมได้ ผมปิดบริษัทค้าเหล็ก เลย กีฬาสควอชสอนผมว่าคุณเหยียบสองขาไม่ได้นะ ทำอะไรคุณต้องเต็มที่กับมัน คนอื่นตื่น 8 โมง คุณต้องตื่น 6 โมงเช้า ต้องอ่านหนังสือพิมพ์หาความรู้ทุกเช้า ก่อนนอนต้องคิดแล้วว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร ซื้อตัวไหน ขายตัวไหน ถ้าไม่ทุ่มเท โอกาสชนะยากมาก มีเงินเยอะเท่าไหร่ก็หมดได้” 

              · อยากเก่งต้องพาตัวเองไปอยู่ในวงคนเก่ง 
             “ผมเล่นสควอชไม่เก่ง โดนเสี่ยยักษ์เอาชนะและหัวเราะใส่ทุกวัน จนผมทนไม่ไหวต้องเสิร์ชหาข้อมูลว่าที่ไหนสอนตีสควอชบ้าง ผมถือคติถ้าอยากเก่งต้องเรียนกับคนเก่ง ผมก็ไปสมัครเรียนกับโค้ชทีมชาติสควอชเยาวชน ปรากฏมันเป็นกีฬาที่ยาก ต้องฝึกฝน อดทน มุ่งมั่น เพื่อที่คุณจะเก่ง ผมไปฝึกที่นั่นทุกวัน 4 โมงครึ่งถึง 3 ทุ่ม ผ่านไป 6 เดือนผมกลับมา เสี่ยยักษ์แพ้ผม”

              · พื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญมาก 
             “ทำอะไรก็ตามคุณต้องมีพื้นฐานที่แน่นและถูกต้อง เดี๋ยวท่าที่พลิกแพลงจะมาเอง เล่นหุ้นก็เหมือนกัน ถ้าอยากเอาชนะตลาด คุณต้องเล่นจริง เจ็บจริง ชนะจากเรื่องจริง” 

              · แพ้เพราะอะไร หาเหตุผลให้เจอ 
              “จงโฟกัสที่ความล้มเหลว ถ้าวันไหนแพ้ คุณต้องหาเหตุผลให้เจอ ทุกเย็นผมจะไปหามุมสงบนั่งคิดทบทวนว่าวันนี้เราแพ้เพราะอะไร มันน่ากลัวมากนะถ้าคุณหาไม่เจอ เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าต้องปรับปรุงตรงไหน เวลาคุณแพ้ แพ้เพราะอะไร มันมีคำตอบเสมอ ยิ่งล้มเหลวมากเท่าไหร่ จิตใจคุณจะยิ่งแกร่งขึ้นเท่านั้น”  

มี “รับ” ก็ต้องมี “ให้”

              ทุกวันนี้คุณหนุ่มมองว่าชีวิตเขาได้รับมามากแล้ว มีอิสรภาพทางการเงิน มีชีวิตที่สุขสบาย เมื่ออายุมากขึ้น มุมมองต่อโลกยิ่งกว้างขึ้น เขามองว่าความรวยไม่ได้ซื้อทุกอย่างได้ และความสุขที่แท้จริงอยู่ที่การให้มากกว่าการรับ

            “มีบางอย่างที่เงินซื้อไม่ได้นะ งานวิจัยจาก Harvard บอกว่า ความสัมพันธ์ที่ดีต่างหากที่ทำให้คนเรามีความสุขในชีวิต คนรวยบางคนที่ผมรู้จัก มีปัญหาสุขภาพ ชีวิตมีแต่ความเครียด เมื่อก่อนเป้าหมายชีวิตของผมคืออยากรวย แต่ตอนนี้เป้าหมายเปลี่ยนไป ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุข พอใจในชีวิต ไม่ใช่มาจากความรวย แต่ผมพบว่าความสุขอยู่ที่ การให้ ซึ่งผมว่ามันสำคัญมาก ผมจะบริจาคเลือดทุก 3 เดือน ตอนนี้บริจาคมา 90 กว่าครั้ง เป็นเวลา 25-26 ปีแล้ว ความตั้งใจคืออยากบริจาคให้ถึง 100 ครั้ง ผมเป็นอาสากาชาดไปตรวจตาให้คนไข้ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ทุกวันพุธ ผมได้เห็นสังคมแห่งการให้ ซึ่งแตกต่างจากสังคมที่ผมอยู่คือสังคมของเงิน ตอนนี้ผมเลือกที่จะมีความสุขในทุกวัน อยู่กับครอบครัว ให้เวลากับลูก ปลูกฝังเขาให้เป็นคนดีของสังคม”

              ชีวิตมาถึงจุดนี้ได้ คุณหนุ่มสรุปทิ้งท้ายสั้นๆ ว่า ผมไม่ใช่คนเก่ง แต่เส้นทางในชีวิต ผมแสวงหาโอกาส แล้วก็โลดแล่นไปกับมัน ความโชคดีเกิดจากตัวเราที่สร้างโอกาสให้ตัวเอง” 


 เก็บตกนอกห้อง (เรียน) จาก “นักแสวงโอกาส”  
· ชีวิตคนเราต้องแสวงหาโอกาส อย่าหยุดอยู่กับที่ แล้วโชคดีจะตามมาเอง  
· ถ้าอยากเก่ง ต้องพาตัวเองไปอยู่ใกล้คนเก่ง
· พื้นฐานคือเรื่องสำคัญที่สุด ทำอะไรก็ตามต้องมีพื้นฐานที่แน่นและถูกต้อง เดี๋ยวท่าที่พลิกแพลงจะมาเอง
· โฟกัสที่ความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ ยิ่งล้มเหลวมากเท่าไร จิตใจคุณจะยิ่งแกร่งขึ้นเท่านั้น  
· ความทะเยอทะยานเป็นสิ่งดี ตราบใดที่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน


»»»»»»»»» 

คุณต้องสร้างโอกาสให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลา 
ถ้าอยากเก่งคุณต้องไปอยู่ใกล้คนเก่ง ถ้าอยากรวยคุณต้องไปอยู่ใกล้คนรวย 
ต้องผลักดันตัวเองไปอยู่ในสังคมที่มีคนแบบนั้น 
นี่เป็นสูตรของผม

ภวดล เกลียวอรรคเดช

»»»»»»»»»


ฝากถึงนักลงทุนรุ่นน้อง

“เมื่อก่อนผมเทรดได้วันละ 3 แสน 8 แสน ซึ่งมันใช้กับวันนี้ไม่ได้แล้ว เด็กรุ่นใหม่มีโอกาสเรียนรู้ได้มากกว่าสมัยผมมาก 
 มี YouTube ให้ดู มีโอกาสได้เจอ Influencer ตัวจริงที่เขามีความรู้ มีประสบการณ์จริงมาถ่ายทอด ถ้าเรานั่งฟัง นั่งวิเคราะห์ตาม จะเห็นว่ามันเป็นความรู้ที่เขาสั่งสมมาหลายสิบปีแล้วสำเร็จ อย่ามีอีโก้หรือมั่นใจในตัวเองมากเกินไป ไม่รับฟังใคร ยิ่งโลกดิจิทัลการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก คุณจะไปตามอะไรทัน อะไรที่พูดวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจเปลี่ยนแปลง อย่าไปยึดติดกับความสำเร็จเพียงครั้งเดียว คุณต้องเผื่อความไม่แน่นอนในอนาคตไว้ด้วย”   



เปิดใจนักเรียน (รู้)  BullMoon Exclusive รุ่น 1

“เพื่อนผมส่วนมากจะอายุมากกว่า พี่ๆ เขารุ่น 60 กว่ากัน ไฟใกล้มอดหมดแล้ว บางคนมีเงินแต่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น บางคนรวยแล้วแต่ก็ยังมีความทุกข์อยู่ คอร์สนี้ผมได้มาเจอรุ่นน้องๆ อายุ 20 กว่า 30 กว่า รู้สึกเหมือนจุดไฟในตัวขึ้นมาใหม่ เห็นน้องๆ ก็เหมือนได้เห็นตัวเองในวัยนั้น ผมว่าคอร์สแบบนี้สร้างแรงบันดาลใจได้มาก โดยเฉพาะถ้าสปีกเกอร์เป็นตัวจริง ผมสำเร็จเรื่องหุ้นมาก่อน พอได้มาเรียนคอร์ส BullMoon Exclusive ก็ได้เรียนรู้เรื่อง Bitcoin ซึ่งเป็นเรื่องสมัยใหม่มาก ถือเป็นการเติม Input ใหม่ๆ ให้กับผม” 


เรื่อง รติรัตน์ นิมิตรบรรณสาร 

ภาพ พีรเชษฐ์ นิ่วบุตร 

ขอบคุณสถานที่ : mama cafe @centralwOrld

เรียนรู้การลงทุนและมีเพื่อนดีๆ จากคอมมูนิตี้ที่รักการเรียนรู้

ดูรายละเอียดได้ที่ https://bullmoonexclusive.com